ถ่ายรูปผ่านกระจกวันฝนตก
เสาร์ที่แล้วฝนตกทั้งวันหาโอกาสถ่ายรูปนอกบ้านไม่ได้ เลยใช้วิธีถ่ายรูปเปรียบเทียบจุดโฟกัสมาให้ดู
อย่างรูปนี้ถ่ายตึกซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างๆ โฟกัสที่ตึก

พอปรับจุดโฟกัสให้ใกล้ขึ้น เห็นภาพมัวๆ ไฟสะท้อนแสงโตขึ้น

พอปรับโฟกัสที่กระจก เห็นหยดน้ำเกาะ และไฟตึกกลายเป็นดวงส้มๆแทน

การ ถ่ายภาพที่ตั้งใจให้ภาพไม่โฟกัส ก็ได้ผลน่าสนใจ ดูศิลป์ดี ในทำนองเดียวกันการถ่ายภาพโฟกัสไกลๆอย่างภาพแรกก็สามารถทำให้ภาพเหมือนมอง ทะลุกระจกมองไม่เห็นหยดน้ำที่เกาะเต็มกระจกได้
อีกประโยชน์ของอากาศ ฝนตกหมอกเยอะ ทำให้ภาพนอกหน้าต่างมัวๆกลายเป็นฉากสีอ่อนให้ถ่ายรูปเน้นของที่เราโฟกัส รูปนี้ลองถ่ายดอกกุหลาบแห้งดอกนี้

หรือจะถ่ายย้อนฉากหลังสว่างๆให้เห็นภาพมืดๆของก้านดอกกุหลาบ

ดอกที่เหลือทั้งช่อยังกองอยู่บนโต๊ะ

อาทิตย์นี้อากาศขึ้นๆลงๆเมื่อวานกลางวันขึ้นมา 15C วันนี้ตกมาต่ำกว่าศูนย์อีกแล้ว ใครอยู่แถวนี้ระวังไม่สบายจากอากาศเปลี่ยนนะ
อย่างรูปนี้ถ่ายตึกซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างๆ โฟกัสที่ตึก

พอปรับจุดโฟกัสให้ใกล้ขึ้น เห็นภาพมัวๆ ไฟสะท้อนแสงโตขึ้น

พอปรับโฟกัสที่กระจก เห็นหยดน้ำเกาะ และไฟตึกกลายเป็นดวงส้มๆแทน

การ ถ่ายภาพที่ตั้งใจให้ภาพไม่โฟกัส ก็ได้ผลน่าสนใจ ดูศิลป์ดี ในทำนองเดียวกันการถ่ายภาพโฟกัสไกลๆอย่างภาพแรกก็สามารถทำให้ภาพเหมือนมอง ทะลุกระจกมองไม่เห็นหยดน้ำที่เกาะเต็มกระจกได้
อีกประโยชน์ของอากาศ ฝนตกหมอกเยอะ ทำให้ภาพนอกหน้าต่างมัวๆกลายเป็นฉากสีอ่อนให้ถ่ายรูปเน้นของที่เราโฟกัส รูปนี้ลองถ่ายดอกกุหลาบแห้งดอกนี้

หรือจะถ่ายย้อนฉากหลังสว่างๆให้เห็นภาพมืดๆของก้านดอกกุหลาบ

ดอกที่เหลือทั้งช่อยังกองอยู่บนโต๊ะ

อาทิตย์นี้อากาศขึ้นๆลงๆเมื่อวานกลางวันขึ้นมา 15C วันนี้ตกมาต่ำกว่าศูนย์อีกแล้ว ใครอยู่แถวนี้ระวังไม่สบายจากอากาศเปลี่ยนนะ
ยอดโบสถ์กับฉากหลังตึกระฟ้า
พัก หลังลองหัดถ่ายรูปยอดโบสถ์ที่ฉากหลังเป็นตึกสูง เพื่อเน้นความแตกต่างกับสถาปัตยกรรมตึกสมัยก่อน และตึกระฟ้ายุคปัจจุบัน และการถ่ายภาพลักษณะนี้จะทำให้ฉากหน้ามืด เหมือนเป็นเงาบนฉากหลังที่เป็นตึกสูง และแพทเทิร์นของตึกด้านหลังที่มีหน้าต่างและตัวตึกทำให้ฉากหน้าดูเด่นยิ่ง ขึ้น
อย่างโบสถ์ตึกนี้ จะเห็นยอดมีรูปปั้นอยู่ ถ่ายแบบนี้ภาพจะดูยุ่งๆ ไม่มีจุดน่าสนใจ

เมื่อ ซูมกล้องและเปลี่ยนตำแหน่งยืนให้ด้านหลังรูปปั้นเป็นแบ็กกราวนด์ตึกสูง ก็จะได้ shot ที่ตั้งใจ รูปนี้ตึกด้านหลัง คือ จอห์น แฮนค่อก ตึกดังของชิคาโก

อีกมุมเปลี่ยนตึกด้านหลัง

ส่วนรูปนี้ถ่ายที่ยอดโบสถ์อีกจุดบนนถนนมิชิแกน

เวลาจัดภาพ อย่าลืมหลักหนึ่งในสามนะ
อย่างโบสถ์ตึกนี้ จะเห็นยอดมีรูปปั้นอยู่ ถ่ายแบบนี้ภาพจะดูยุ่งๆ ไม่มีจุดน่าสนใจ

เมื่อ ซูมกล้องและเปลี่ยนตำแหน่งยืนให้ด้านหลังรูปปั้นเป็นแบ็กกราวนด์ตึกสูง ก็จะได้ shot ที่ตั้งใจ รูปนี้ตึกด้านหลัง คือ จอห์น แฮนค่อก ตึกดังของชิคาโก

อีกมุมเปลี่ยนตึกด้านหลัง

ส่วนรูปนี้ถ่ายที่ยอดโบสถ์อีกจุดบนนถนนมิชิแกน

เวลาจัดภาพ อย่าลืมหลักหนึ่งในสามนะ
รูป skyline ชิคาโกถ่ายจากเครื่องบิน
หลังๆ ผมเลือกบินไปทำงานจากสนามบินมิดเวย์ สนามบินเล็กกว่าโอแฮร์ ห่างจากบ้านพอๆกัน แต่รถติดน้อยกว่าหน่อย และเช็คอินเดินไปที่เกทสั้นกว่า และขากลับถ้าไม่ต้องแบกกระเป๋าเดินทางหนักๆ ก็นั่งรถไฟฟ้าสีส้มไปต่อสีแดงถึงบ้านเร็วกว่า จากสนามบินโอแฮร์ที่ต้องนั่งสีน้ำเงินเข้าเมืองก่อนไปต่อสีแดง

ข้อ ดีอีกข้อของสนามบินนี้คือ มีโอกาสได้เห็นวิวดาวน์ทาวน์ชิคาโก ตอนเครื่องบินขึ้น รูปนี้ถ่ายจากเลนส์ปกติ 48mm ไม่ได้ใช้เลนส์ซูม เลยไม่ค่อยเห็นตึกใกล้ๆ แต่ก็ได้เห็น skyline ของชิคาโกโดยมีทะเลสาบมิชิแกนข้างหลัง สวยดี ไว้คราวหน้าถ่ายซูมเห็นชัดๆแล้วจะเอามาให้ดูใหม่
เสียดายที่ชิคาโกไม่มีภูเขา ไม่งั้นคงจะน่าอยู่มากขึ้น จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลๆไปเที่ยวภูเขา แต่แค่นี้เมืองก็สวยน่าอยู่แล้วละ
พรุ่ง นี้จะได้เข้าเมืองไปเที่ยวแอตแลนต้าละ กะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับพิพิธภัณฑ์โคคาโคล่า แล้วกลับมาแล้วจะเอารูปมาโพสต์และก็เล่าให้ฟังอีกทีครับ

ข้อ ดีอีกข้อของสนามบินนี้คือ มีโอกาสได้เห็นวิวดาวน์ทาวน์ชิคาโก ตอนเครื่องบินขึ้น รูปนี้ถ่ายจากเลนส์ปกติ 48mm ไม่ได้ใช้เลนส์ซูม เลยไม่ค่อยเห็นตึกใกล้ๆ แต่ก็ได้เห็น skyline ของชิคาโกโดยมีทะเลสาบมิชิแกนข้างหลัง สวยดี ไว้คราวหน้าถ่ายซูมเห็นชัดๆแล้วจะเอามาให้ดูใหม่
เสียดายที่ชิคาโกไม่มีภูเขา ไม่งั้นคงจะน่าอยู่มากขึ้น จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลๆไปเที่ยวภูเขา แต่แค่นี้เมืองก็สวยน่าอยู่แล้วละ
พรุ่ง นี้จะได้เข้าเมืองไปเที่ยวแอตแลนต้าละ กะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับพิพิธภัณฑ์โคคาโคล่า แล้วกลับมาแล้วจะเอารูปมาโพสต์และก็เล่าให้ฟังอีกทีครับ
แสงกับการถ่ายภาพ
ปริมาณ แสงเป็นสิ่งสำคัญกับการถ่ายภาพ ภาพที่มืดๆมีแสงน้อยก็ต้องเปิดหน้ากล้องนานขึ้น เมื่อเปิดหน้ากล้องนาน ก็ยากที่จะถือกล้องนิ่งๆด้วยมือ เลยจำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องไปด้วย ถ้าเราสามารถเปิดไฟช่วยก็จะทำให้แสงสว่างขึ้นไม่จำเป็นต้องเปิดหน้ากล้อง นานๆ แต่แสงจากหลอดไฟก็จะสว่างนำ กลบรายละเอียดส่วนอื่น โดยเฉพาะฉากหลังมืดๆอย่างรูปนี้

รูปนี้เปิดหน้ากล้อง 2.5 วินาทีที่ f/6.3
จะ เห็นว่าโคมไฟทำให้ห้องสว่างพอ ทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งของในห้อง แต่ก็จะไปกลบรายละเอียดของวิวนอกหน้าต่างไป แถมยังมีแสงสะท้อนกับหน้าต่างอีกด้วย
แต่ถ้าเราต้องการเน้นวิวนอก หน้าต่าง ก็ปิดไฟจากโคมไฟเสีย แต่นั่นหมายความว่าเราก็ต้องเปิดหน้ากล้องนานขึ้นมาก คราวนี้ห้องจะมืดไปเลย เพราะแสงจากนอกหน้างต่างสว่างไม่พอที่จะทำให้ห้องสว่างพอได้ แต่ก็จะทำให้เห็นวิวนอกหน้าต่าง

ส่วนรูปนี้เปิดหน้ากล้องนาน 30 วินาทีที่ f/5.6
ถ้า เราต้องการให้เห็นรายละเอียดของห้องพร้อมกับวิวนอกหน้าต่างจะทำยังไง ถ้ากล้องมีเซนเซอร์ที่มี dynamic range มีความไวแสงที่ดีขึ้น ซึ่งมีอยู่ในกล้องระดับแพงๆที่มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่หรือเซนเซอร์พิเศษอย่าง Faveon x3 ที่มีอยู่ในกล้องซิกม่า หรือเซนเซอร์พิเศษของกล้องฟูจิ เป็นต้น ถ้าเป็นกล้องทั่วไป คงใช้วิธีช่วยอย่างการใช้แฟลชแบบ 2nd curtain หรือไม่ก็เอาภาพสองภาพนี้ต่อเข้าด้วยกัน อย่างภาพข้างล่าง ผมเอาภาพมาซ้อนกันโดยให้ภาพมืดอยู่ด้านล่าง ถ้าใช้ photoshop ก็เพียงแต่ก็อปปี้ภาพที่สองมาวางเป็น layer ใหม่ซ้อนกับภาพแรก แล้วเซตค่าความทึบ-ความโปร่งใส (opacity-transparency) ของภาพสว่างระหว่าง 25%, 50% และก็ 75%
รูปนี้ใช้ค่า opacity 25%

50%

75%

คราว นี้เราก็ได้ภาพที่เห็นทั้งรายละเอียดในห้องและวิวจากข้างนอก ส่วนค่า transparency คงต้องปรับดูว่าระดับไหนถึงจะได้ภาพที่มีรายละเอียดดีที่สุด เทคนิคนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราถ่ายภาพสองภาพที่มุมเดียวกันเป๊ะ ดังนั้นขาตั้งกล้องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากครับ

รูปนี้เปิดหน้ากล้อง 2.5 วินาทีที่ f/6.3
จะ เห็นว่าโคมไฟทำให้ห้องสว่างพอ ทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งของในห้อง แต่ก็จะไปกลบรายละเอียดของวิวนอกหน้าต่างไป แถมยังมีแสงสะท้อนกับหน้าต่างอีกด้วย
แต่ถ้าเราต้องการเน้นวิวนอก หน้าต่าง ก็ปิดไฟจากโคมไฟเสีย แต่นั่นหมายความว่าเราก็ต้องเปิดหน้ากล้องนานขึ้นมาก คราวนี้ห้องจะมืดไปเลย เพราะแสงจากนอกหน้างต่างสว่างไม่พอที่จะทำให้ห้องสว่างพอได้ แต่ก็จะทำให้เห็นวิวนอกหน้าต่าง

ส่วนรูปนี้เปิดหน้ากล้องนาน 30 วินาทีที่ f/5.6
ถ้า เราต้องการให้เห็นรายละเอียดของห้องพร้อมกับวิวนอกหน้าต่างจะทำยังไง ถ้ากล้องมีเซนเซอร์ที่มี dynamic range มีความไวแสงที่ดีขึ้น ซึ่งมีอยู่ในกล้องระดับแพงๆที่มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่หรือเซนเซอร์พิเศษอย่าง Faveon x3 ที่มีอยู่ในกล้องซิกม่า หรือเซนเซอร์พิเศษของกล้องฟูจิ เป็นต้น ถ้าเป็นกล้องทั่วไป คงใช้วิธีช่วยอย่างการใช้แฟลชแบบ 2nd curtain หรือไม่ก็เอาภาพสองภาพนี้ต่อเข้าด้วยกัน อย่างภาพข้างล่าง ผมเอาภาพมาซ้อนกันโดยให้ภาพมืดอยู่ด้านล่าง ถ้าใช้ photoshop ก็เพียงแต่ก็อปปี้ภาพที่สองมาวางเป็น layer ใหม่ซ้อนกับภาพแรก แล้วเซตค่าความทึบ-ความโปร่งใส (opacity-transparency) ของภาพสว่างระหว่าง 25%, 50% และก็ 75%
รูปนี้ใช้ค่า opacity 25%

50%

75%

คราว นี้เราก็ได้ภาพที่เห็นทั้งรายละเอียดในห้องและวิวจากข้างนอก ส่วนค่า transparency คงต้องปรับดูว่าระดับไหนถึงจะได้ภาพที่มีรายละเอียดดีที่สุด เทคนิคนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราถ่ายภาพสองภาพที่มุมเดียวกันเป๊ะ ดังนั้นขาตั้งกล้องจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากครับ
ถ่ายรูปอย่างไรให้น่าสนใจ
ไม่ ได้เขียนบทความเทคนิคการถ่ายรูปมานาน เพราะไม่ค่อยมีโอกาสถ่ายรูปตัวอย่างเปรียบเทียบมาให้ดู พอดีวันก่อนได้มีโอกาสเดินไปถ่ายดอกไม้ เลยมาเล่าเทคนิคเล็กๆน้อยๆให้ฟังกันครับ
1. โฟกัสสิ่งที่อยู่ใกล้
ปัญหา การถ่ายมาโครของที่อยู่ใกล้ๆ มักจะอยู่ที่ว่าจะเลือกโฟกัสภาพที่จุดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเปิดหน้ากล้องกว้างๆ ระยะชัดจะตื้นมาก อย่างรูปนี้โฟกัสที่กลีบดอก เลยทำให้เกสรที่อยู่ด้านหน้าเบลอ

ในขณะที่รูปนี้โฟกัสที่เกสรดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้าแทน

แม้ ว่ารูปหลังภาพจะเบลอเกือบทั้งภาพยกเว้นเกสร แต่ภาพที่ได้กลับดูสวยกว่า ทำไมล่ะ เพราะสายตาเราจะมองไปที่จุดเด่นของภาพ ในที่นี้คือดอกที่อยู่ตรงกลางรูป แต่เนื่องจากเกสรที่อยู่ตรงกลางพอดีมัว ทำให้ประสาทรับรู้เรารู้สึกว่าภาพไม่ชัดไป
2. ถ่ายมุมแปลกๆที่คนอื่นไม่ถ่ายกัน
ส่วน ใหญ่ภาพที่เด่นๆ มักเป็นภาพที่ถ่ายในมุมที่คนทั่วไปไม่ค่อยเห็น หรือเคยถ่ายกัน ลองหามุมแปลกๆอย่างเช่น ด้านหลังดอกไม้ หรือถ่ายมุมเงยจากระดับพื้นดินดู

3. กฏ 1/3 ถ่ายรูปจุดที่น่าสนใจที่ตำแหน่งหนึ่งในสามของภาพ
รูปจะน่าสนใจขึ้น ถ้าจุดสนใจภาพไม่ได้อยู่ตรงกลางตลอด ลองเทียบทิวลิปสองรูปนี้ดู รูปแรกดอกทิวลิปอยู่ตรงกลางภาพพอดีๆ

รูปนี้ย้ายมาไว้ที่ตำแหน่งหนึ่งในสามของภาพเยื้องไปทางขวาและขึ้นข้างบน ทำให้เห็นลำต้นเต็มๆด้วย

1. โฟกัสสิ่งที่อยู่ใกล้
ปัญหา การถ่ายมาโครของที่อยู่ใกล้ๆ มักจะอยู่ที่ว่าจะเลือกโฟกัสภาพที่จุดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเปิดหน้ากล้องกว้างๆ ระยะชัดจะตื้นมาก อย่างรูปนี้โฟกัสที่กลีบดอก เลยทำให้เกสรที่อยู่ด้านหน้าเบลอ

ในขณะที่รูปนี้โฟกัสที่เกสรดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้าแทน

แม้ ว่ารูปหลังภาพจะเบลอเกือบทั้งภาพยกเว้นเกสร แต่ภาพที่ได้กลับดูสวยกว่า ทำไมล่ะ เพราะสายตาเราจะมองไปที่จุดเด่นของภาพ ในที่นี้คือดอกที่อยู่ตรงกลางรูป แต่เนื่องจากเกสรที่อยู่ตรงกลางพอดีมัว ทำให้ประสาทรับรู้เรารู้สึกว่าภาพไม่ชัดไป
2. ถ่ายมุมแปลกๆที่คนอื่นไม่ถ่ายกัน
ส่วน ใหญ่ภาพที่เด่นๆ มักเป็นภาพที่ถ่ายในมุมที่คนทั่วไปไม่ค่อยเห็น หรือเคยถ่ายกัน ลองหามุมแปลกๆอย่างเช่น ด้านหลังดอกไม้ หรือถ่ายมุมเงยจากระดับพื้นดินดู

3. กฏ 1/3 ถ่ายรูปจุดที่น่าสนใจที่ตำแหน่งหนึ่งในสามของภาพ
รูปจะน่าสนใจขึ้น ถ้าจุดสนใจภาพไม่ได้อยู่ตรงกลางตลอด ลองเทียบทิวลิปสองรูปนี้ดู รูปแรกดอกทิวลิปอยู่ตรงกลางภาพพอดีๆ

รูปนี้ย้ายมาไว้ที่ตำแหน่งหนึ่งในสามของภาพเยื้องไปทางขวาและขึ้นข้างบน ทำให้เห็นลำต้นเต็มๆด้วย

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น